อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม
เกิดขึ้น จากความตั้งใจ และความคิดของท่านผู้ก่อตั้งซึ่งมีรากฐานการเริ่มต้นของงาน
มาจากงานหล่อพระพุทธรูป งานหล่อประติมากรรมรูปต่างๆ นับจากอดีตจนสู่ปัจจุบัน เป็นระยะเวลากว่า ๔๐ ปีที่ผ่านมา จากประสบการณ์ทำให้ผู้ก่อตั้งมีความคิดที่จะสร้างสรรค์ ผลงานประติมากรรมรูปเหมือน ของพระสงฆ์รูปต่างๆ ซึ่งจำพรรษาในกุฏิ และรูปเหมือนบุคคลสำคัญต่างๆที่ท่านผู้ก่อตั้ง มีความศรัทธายกย่อง ในด้าน แนวความคิด ในการทำงาน และการดำเนินชีวิต จนประสบความสำเร็จ รวมทั้งรูปเหมือน วิถีชีวิตวัฒนธรรม ความเป็นไทย ในภาคต่างๆ ของประเทศไทย จึงได้เริ่มก่อตั้ง โครงการอุทยาน หุ่นขี้ผึ้งสยามขึ้นมา ในปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ และด้วยความ มุ่งมั่น ที่มาจากความคิดสร้างสรรค์ จากความเชื่อมั่น ในคำสอน เรื่องทำความดี ความศรัทธาในบุคคล กำลังใจจากครูอาจารย์ เพื่อนมิตรและครอบครัว ทำให้โครงการ อุทยานหุ่นขี้ผึ้ง ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ที่จะนำเสนอ งานสร้างสรรค์ ด้านศิลปะ วัฒนธรรมไทย วิถีชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมไทย นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อสืบทอด สิ่งดีงามเอกลักษณ์ ของไทยให้คงอยู่สืบต่อชนรุ่นหลัง.
อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม อ.บางแพ จ.ราชบุรี
เมื่อพูดถึงหุ่นขี้ผึ้ง คนส่วนใหญ่จะนึกไปถึงพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง ที่จังหวัดนครปฐม แต่อาจจะมีบางท่านทราบแล้ว หรือบางท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า ตอนนี้ที่จังหวัดราชบุรีก็มีอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม มีการจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งและเช่นกัน มีความแตกต่างกันในรายละเอียดของชุดหุ่น แม้ว่าจะเคยไปที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาแล้ว ก็น่าจะแวะไปชมที่นี่เช่นกัน สำหรับคนไทย ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม ก่อตั้งเมื่อปี 2540 บนพื้นที่ 45 ไร่ จัดเป็นส่วนแสดงต่าง ๆ ภายใต้ความร่มรื่นของพรรณไม้ที่อยู่ระหว่างเส้นทางสู่สถานที่จัดแสดงส่วนต่าง ๆ
อาคารเชิดชูเกียรติ : จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสบุคคลสำคัญต่าง ๆ ของไทย และในภูมิภาคนี้ โดยมีการจำลองพื้นที่การจัดแสดงหุ่นให้ใกล้เคียงบ้าน หรือสถานที่ทำงานของบุคคลท่านนั้น ๆ เช่น ม.ล. ปิ่น มาลากุล นักการศึกษาคนสำคัญ ฯพณฯ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ นักกฎหมาย ศาสตราจารย์ ดร. ป๋วย อึ้งภากรณ์ นักเศรษฐศาสตร์ผู้วาง รากฐานนโยบายเศรษฐกิจของไทย อาจารย์ มนตรี ตราโมท บรมครูผู้อนุรักษ์และสืบสานงานดนตรีไทย คุณสืบ นาคะเสถียร นักอนุรักษ์ธรรมชาติซึ่ง ยอมสละชีพเพื่อรักษาผืนป่าอันเป็นที่รัก แม่ชีเทเรซ่า แม่พระของชาวโลก ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ วีรบุรุษผู้กอบกู้เอกราชของ เวียดนาม เหมา เจ๋อ ตุง และ เติ้ง เสี่ยว ผิง นักปฏิวัติผู้นำประเทศจีน เป็นต้น อาคารจัดแสดงจัดให้เส้นทางให้เดินอย่างเป็นระเบียบ และจะวนมาที่ทางออกอีกครั้ง หลังจากเดินออกจากอาคารจะพบกับ
ลานพระ 3 สมัย : จัดแสดงพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ในสมัยสุโขทัย อยุธยา และเชียงแสน บนลานกว้างท่ามกลางธรรมชาติ และมีป้ายแสดงรายละเอียดของลักษณะพระพุทธรูปของแต่ละสมัยที่แตกต่างกัน พอเดินจากลานพระ 3 สมัย จะพบความสดชื่นจากน้ำตกจำลอง และพบกับถ้ำชาดก
ถ้ำชาดก : เป็นการจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งเรื่องราวตามลำดับของพระเวสสันดร ในรูปแบบแสง สี เสียง ทั้งตอนชูชกขอกัญหา ชาลีจากพระเวสสันดร ตอนชูชกกินจนท้องแตกตาย เป็นต้น ออกจากถ้ำชาดกเดินไปตามเส้นทางจะพบกับอาคารคล้ายบ้านทรงไทยตั้งอยู่เรียงรายกันเป็นที่ตั้งของกุฏิพระสงฆ์ และหอสวดมนต์
กุฏิพระสงฆ์ และหอสวดมนต์ : ภายในกุฏิพระสงฆ์จะมีการประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งจำลองพระอริยสงฆ์ ผู้มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพบูชาของประชาชน (มีเสียงบันทึกบรรยายประวัติของแต่ละท่านให้ทราบตลอดเวลา) แบ่งเป็น
1.กุฏิพระสงฆ์ภาคกลาง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อยู่ ญาโณทัย) วัดสระเกศ กรุงเทพฯ
2.กุฏิพระสงฆ์ภาคเหนือ ครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
3.กุฏิพระสงฆ์ภาคอีสาน พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพต อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย
4.กุฏิพระสงฆ์ภาคใต้ พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ (หลวงปู่ทวด) วัดช้างไห้ จังหวัดปัตตานี พระครูวิสัยโสภณ (พระอาจารย์ทิม ธัมมธโร) วัดช้างไห้ จังหวัดปัตตานี
5.หอสวดมนต์ ประดิษฐานหุ่นจำลองในลักษณะร่วมประชุมกัน
1. หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ วัดบางคลาน จ. พิจิตร
2. หลวงพ่อทองคำ (พระเมตตาวิหารคุณ) วัดบึงบา จ. ปทุมธานี
3. หลวงปู่สุภา กันตสีโล วัดสิลสุภาราม จ.ภูเก็ต
4. หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดระหารไร่ จ.ระยอง
5. หลวงปู่คำพัน โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย จ.นครพนม
เดินออกจากบริเวณกุฏิพระสงฆ์จะพบกับบ้านเรือนไทยสี่ภาค ภายในจำลองวัฒนธรรม การดำเนินชีวิตของคนไทยในแต่ละภาคผ่านหุ่นขี้ผึ้งต่าง ๆ มากมาย และเมื่อใกล้ถึงทางออกจะพบกับ ลานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร มีรูปจำลองพระโพธิสัตว์องค์ใหญ่อยู่กลางลานที่โอบล้อมไปด้วยความเป็นธรรมชาติ หลังจากดื่มด่ำความความงดงามของพื้นที่จัดแสดงต่าง ๆ แล้วก็ถึงเวลาที่ต้องเดินทางท่องเที่ยวที่อื่นต่อไป ถ้าชมแบบละเอียดใช้เวลาประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง แต่ถ้าเดินชมไปเรื่อย ๆ ก็ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง ด้านหน้ามีร้านจำหน่ายของที่ระลึก และของฝาก รวมถึงห้องน้ำที่สะอาดน่าใช้ ถ้าผ่านมาทางจังหวัดราชบุรี ก็ลองแวะมาเยี่ยมชม หุ่นขี้ปึ้งวิถีชีวิตคนไทยในภาคต่าง ๆ และเฒ่าชูชกในถ้ำชาดก
หุ่นขี้ผึ้งจำลองบุคคลสำคัญภายในอาคารเชิดชูเกียรติ หุ่นขี้ผึ้งจำลองวิถึชีวิตคนไทย และพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยในภาคต่าง ๆ พระพุทธรูปจำลอง และหุ่นขี้ผึ้งบนกุฏิพระสงฆ์สี่ภาค ลานพระพุทธรูปสามสมัย บรรยากาศร่มรื่นภายในอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม และลานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร บ้านไทยสี่ภาค และน้ำตกด้านนอกถ้ำชาดก
อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม อ.บางแพ จ.ราชบุรี
เมื่อพูดถึงหุ่นขี้ผึ้ง คนส่วนใหญ่จะนึกไปถึงพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง ที่จังหวัดนครปฐม แต่อาจจะมีบางท่านทราบแล้ว หรือบางท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า ตอนนี้ที่จังหวัดราชบุรีก็มีอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม มีการจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งและเช่นกัน มีความแตกต่างกันในรายละเอียดของชุดหุ่น แม้ว่าจะเคยไปที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาแล้ว ก็น่าจะแวะไปชมที่นี่เช่นกัน สำหรับคนไทย ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม ก่อตั้งเมื่อปี 2540 บนพื้นที่ 45 ไร่ จัดเป็นส่วนแสดงต่าง ๆ ภายใต้ความร่มรื่นของพรรณไม้ที่อยู่ระหว่างเส้นทางสู่สถานที่จัดแสดงส่วนต่าง ๆ
อาคารเชิดชูเกียรติ : จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสบุคคลสำคัญต่าง ๆ ของไทย และในภูมิภาคนี้ โดยมีการจำลองพื้นที่การจัดแสดงหุ่นให้ใกล้เคียงบ้าน หรือสถานที่ทำงานของบุคคลท่านนั้น ๆ เช่น ม.ล. ปิ่น มาลากุล นักการศึกษาคนสำคัญ ฯพณฯ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ นักกฎหมาย ศาสตราจารย์ ดร. ป๋วย อึ้งภากรณ์ นักเศรษฐศาสตร์ผู้วาง รากฐานนโยบายเศรษฐกิจของไทย อาจารย์ มนตรี ตราโมท บรมครูผู้อนุรักษ์และสืบสานงานดนตรีไทย คุณสืบ นาคะเสถียร นักอนุรักษ์ธรรมชาติซึ่ง ยอมสละชีพเพื่อรักษาผืนป่าอันเป็นที่รัก แม่ชีเทเรซ่า แม่พระของชาวโลก ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ วีรบุรุษผู้กอบกู้เอกราชของ เวียดนาม เหมา เจ๋อ ตุง และ เติ้ง เสี่ยว ผิง นักปฏิวัติผู้นำประเทศจีน เป็นต้น อาคารจัดแสดงจัดให้เส้นทางให้เดินอย่างเป็นระเบียบ และจะวนมาที่ทางออกอีกครั้ง หลังจากเดินออกจากอาคารจะพบกับ
ลานพระ 3 สมัย : จัดแสดงพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ในสมัยสุโขทัย อยุธยา และเชียงแสน บนลานกว้างท่ามกลางธรรมชาติ และมีป้ายแสดงรายละเอียดของลักษณะพระพุทธรูปของแต่ละสมัยที่แตกต่างกัน พอเดินจากลานพระ 3 สมัย จะพบความสดชื่นจากน้ำตกจำลอง และพบกับถ้ำชาดก
ถ้ำชาดก : เป็นการจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งเรื่องราวตามลำดับของพระเวสสันดร ในรูปแบบแสง สี เสียง ทั้งตอนชูชกขอกัญหา ชาลีจากพระเวสสันดร ตอนชูชกกินจนท้องแตกตาย เป็นต้น ออกจากถ้ำชาดกเดินไปตามเส้นทางจะพบกับอาคารคล้ายบ้านทรงไทยตั้งอยู่เรียงรายกันเป็นที่ตั้งของกุฏิพระสงฆ์ และหอสวดมนต์
กุฏิพระสงฆ์ และหอสวดมนต์ : ภายในกุฏิพระสงฆ์จะมีการประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งจำลองพระอริยสงฆ์ ผู้มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพบูชาของประชาชน (มีเสียงบันทึกบรรยายประวัติของแต่ละท่านให้ทราบตลอดเวลา) แบ่งเป็น
1.กุฏิพระสงฆ์ภาคกลาง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อยู่ ญาโณทัย) วัดสระเกศ กรุงเทพฯ
2.กุฏิพระสงฆ์ภาคเหนือ ครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
3.กุฏิพระสงฆ์ภาคอีสาน พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพต อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย
4.กุฏิพระสงฆ์ภาคใต้ พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ (หลวงปู่ทวด) วัดช้างไห้ จังหวัดปัตตานี พระครูวิสัยโสภณ (พระอาจารย์ทิม ธัมมธโร) วัดช้างไห้ จังหวัดปัตตานี
5.หอสวดมนต์ ประดิษฐานหุ่นจำลองในลักษณะร่วมประชุมกัน
1. หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ วัดบางคลาน จ. พิจิตร
2. หลวงพ่อทองคำ (พระเมตตาวิหารคุณ) วัดบึงบา จ. ปทุมธานี
3. หลวงปู่สุภา กันตสีโล วัดสิลสุภาราม จ.ภูเก็ต
4. หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดระหารไร่ จ.ระยอง
5. หลวงปู่คำพัน โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย จ.นครพนม
เดินออกจากบริเวณกุฏิพระสงฆ์จะพบกับบ้านเรือนไทยสี่ภาค ภายในจำลองวัฒนธรรม การดำเนินชีวิตของคนไทยในแต่ละภาคผ่านหุ่นขี้ผึ้งต่าง ๆ มากมาย และเมื่อใกล้ถึงทางออกจะพบกับ ลานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร มีรูปจำลองพระโพธิสัตว์องค์ใหญ่อยู่กลางลานที่โอบล้อมไปด้วยความเป็นธรรมชาติ หลังจากดื่มด่ำความความงดงามของพื้นที่จัดแสดงต่าง ๆ แล้วก็ถึงเวลาที่ต้องเดินทางท่องเที่ยวที่อื่นต่อไป ถ้าชมแบบละเอียดใช้เวลาประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง แต่ถ้าเดินชมไปเรื่อย ๆ ก็ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง ด้านหน้ามีร้านจำหน่ายของที่ระลึก และของฝาก รวมถึงห้องน้ำที่สะอาดน่าใช้ ถ้าผ่านมาทางจังหวัดราชบุรี ก็ลองแวะมาเยี่ยมชม
ต่อท้าย #1 5 ธ.ค. 2553, 13:42:41
ประวัติการก่อตั้ง
เริ่มก่อตั้งโครงการขึ้นในปี พ.ศ.2540 ด้วยเป้าหมายในอันที่รังสรรค์สถานที "พักใจ" แก่บุคคลทั่วไป พร้อมนำเสนอแง่มุมด้านศิลปะ วัฒนธรรม และวิถีความเป็นอยู่ที่งดงามในสังคมพุทธของไทย เพื่อสืบทอดสิ่งดีงามแบบไทยให้คงอยู่สืบต่อถึงชุนรุ่นหลัง
อุทยานหุ่นขี้ผิ้งสยาม ตั้งอยู่บริเวณถนนเพชรเกษม ตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 45 ไร่ โดย่มีสถานที่สำคัญภายในอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามดังนี้
อาคารเชิดชูเกียรติจัดแสดงรูปปั้นหุ่นขี้ผิ้งไฟเบอร์กลาสบุคคลสำคัญทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ ศ.สัญญา ธรรมศักดิ์, ศ.มล.ปิ่น มาลากุล, ศ.ดร.ป๋วย ลิ้มภากรณ์, สืบ นาคะเสถียร,ครูมนตรี ตราโมทย,์ ม.ล.ปิ่น มาลากุล ฯ, เหมา เจ๋อตุง และ เติ้ง เสี่ยว ผิง, โฮจิมิน, แม่ชีเทเรซ่า ภายในอาคาร มีคำบรรยายประวัติของบุคคลเหล่านี้ไว้ครบครัน
ลานพระ 3 สมัย ผลงานปฏิมากรรมพระพุทธรูป 3 สมัย เป็นศิลปะที่มีความแตกต่าง เพราะได้รับอิทธิพลจากศาสนา สังคมและวัฒนธรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงและบอกเรื่องราวประวัติศาสตร์ในแต่ละยุคสมัยได้ การสร้างองค์พระแต่ละรูป เกิดจากความศรัทธาของกลุ่มช่างปั้น ขนาดองค์พระ 6 ศอก 9 นิ้ว (125 นิ้ว) หล่อด้วยทองเหลืองรมดำ ได้แก่ ประติมากรรมพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย เชียงแสน อู่ทอง
กุฏิพระสงฆ์ เป็นเรือนไทยที่ถูกบรรจงสร้างขึ้นตามแบบแผน ประดิษฐานหุ่นขี้ผิ้งของพระภิกษุที่เป็นที่นับถือของผู้คนในแต่ละภูมิภาค อาทิ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต สมเด็จพระพุทฒาจารย์โต พรหมรังสี หลวงปู่แหวน สุจินโณ พระครูบาศรีวิชัย หลวงปู่เหรียญ หลวงปู่ทวด หลวงปู่ทิม หลวงพ่อเงิน เป็นต้น
บ้านไทย 4 ภาค สะท้อนถึงเรื่องราววัฒนธรรมการดำเนินชีวิตของผู้คนในแต่ละภาค มีพื้นฐานมาจากความเชื่อทางศาสนาและวัฒนธรรม
ถ้ำชาดก เป็นถ้ำจำลองจัดแสดงแสงสีเสียงเกี่ยวกับชาดกเรื่อง " พระเวสสันดร " ตอนชูชกขอสองกุมาร กัณหา-ชาลี เป็นเรื่องของการให้ทานอย่าางเงื่อนไขซึ่งเป็นพระชาติสุดท้ายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จำลองขึ้นจากประติมากรรมศิลปะราชวงศ์ซ้องประเทศจีน ลักษณะท่านั่งเรียกว่า ปางมหาราชสีลา สูง 3.5เมตร พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ทรงเป็นอริยบุคคลที่ได้บรรลุอรหันต ์ผู้มีปณิธานแน่วแน่ว่าจะอยู่คอยช่วยเหลือสรรพสัตว์ในโลกจนถึงคนสุดท้าย บรรยาการศภายในยังมีสถานที่อำนวยความสะดวก เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ บรรยากาศภายในอุทยานฯนี้ ยังมีอากาศเย็นสบาย และมีน้ำตกขนาดย่อม ๆ ทำให้เป็นที่สะดุดตาของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมา
เวลาทำการจำหน่ายบัตร
วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 09.00 น. - 16.30 น.
วันเสาร์ - วันอาทิตย์ เวลา 08.30 น. - 17.00 น.
วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 18.30 น. - 17.00 น.
ติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 032-381401, 032-381404 โทรสาร. 032-381403









ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น